1. ต้นมะฮอกกานี

ต้นมะฮอกกานี หรือ มะฮอกกานีใบใหญ่ (Brazilian Mahogany) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Swietenia macrophylla King. เป็นไม้ต้นขนาดกลางถึงใหญ่ สูงประมาณ 15-25 เมตร ลำต้นมีสีน้ำตาลหรือสีเทาอมดำ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคู่ สีเขียว มีลักษณะเป็นมัน ปลายใบเรียว โคนใบเบี้ยว ขอบใบเป็นคลื่น ส่วนดอกออกเป็นช่อมีสีเหลืองอมเขียวและกลิ่นหอม ซึ่งทั่วไปแล้วจะออกในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน
สำหรับการปลูก ต้นมะฮอกกานีสามารถปลูกได้ทั้งแบบเดี่ยวและแบบแนวยาว โดยจะเจริญเติบโตได้ดีในดินทุกสภาพ ส่วนการดูแลก็ไม่ยาก เพราะต้นไม้ชนิดนี้โตเร็ว ต้องการน้ำแค่ปานกลาง ใบไม่ค่อยร่วง ไม่ค่อยมีโรคหรือแมลงรบกวน รวมถึงยังชอบแสงแดด จึงทนแดดจัด ๆ ได้ตลอดทั้งวันเลยด้วย
2. ต้นประดู่

ต้นประดู่ (Burma Padauk) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Pterocarpus indicus Willd เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ สูงได้มากถึง 25 เมตร ลำต้นเป็นสีเทาหรือสีดำ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก สีเขียว เรียงสลับ โคนใบมน ปลายใบแหลม ดอกออกเป็นช่อตามซอกใบหรือปลายกิ่ง มีขนาดเล็ก เป็นสีเหลืองอ่อน โดยต้นประดู่เป็นพืชที่ต้องการแสงแดดจัด ฉะนั้นจึงทนความร้อนของแดดเมืองไทยได้แบบสบาย ๆ อีกทั้งยังทนทานต่อสภาพธรรมชาติได้ดี ใบไม่ค่อยร่วง และดูแลไม่ยาก แค่ใช้ดินร่วนซุยในการปลูก รดน้ำทุก ๆ 5-7 วัน พร้อมใส่ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยเคมี ปีละ 3-5 ครั้งก็พอ
3. ต้นประยงค์

ต้นประยงค์ หรือ Chinese Rice flower มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Aglaia odorata Lour. เป็นไม้ดอกไม้ประดับที่มีแหล่งกำเนิดอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีลักษณะเป็นไม้พุ่มยืนต้นขนาดเล็ก กิ่งดก ใบดก ออกดอกสีเหลืองเป็นช่อสั้น ๆ รูปร่างกลมเล็ก ไม่บาน ลักษณะคล้ายไข่ปลา มีกลิ่นหอมแรงและหอมไกล ส่วนผลเป็นรูปไข่ ผิวเรียบและเป็นมัน สำหรับการปลูกต้นประยงค์ สามารถทำได้ทั้งการเพาะเมล็ด ตอนกิ่ง และปักชำ โดยควรใช้เป็นดินร่วนที่ระบายน้ำได้ดีในการปลูก รดน้ำพอประมาณ และปลูกในพื้นที่ที่โดนแดดจัด ๆ อ้อ ถ้าหากอยากให้ต้นเป็นพุ่มสวย ควรทำการตัดแต่งกิ่งเป็นประจำทุกปีด้วย
4. ต้นสนฉัตร

ต้นสนฉัตร (Nolfolk island pine) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Araucaria heterophylla. เป็นไม้มงคลที่คนนิยมปลูก เพราะเชื่อว่าจะทำให้มีเกียรติและความสง่างาม โดยต้นสนฉัตรเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูงประมาณ 5-15 เมตร ลำต้นเป็นสีน้ำตาล มีตุ่มเล็ก ๆ อยู่รอบ ๆ ส่วนบริเวณยอดจะแตกกิ่งก้านออกเป็นชั้น ๆ มีใบประกอบเรียงตัวกันอยู่อย่างหนาแน่น
สนฉัตรเป็นต้นไม้ที่ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแรงและทนทาน ชอบดินร่วนซุยที่มีความชื้นสูง ชอบแสงแดด ชอบน้ำพอประมาณ โดยควรรดน้ำทุก ๆ 3-5 วัน และใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อบำรุงปีละ 3-5 ครั้งด้วย โดยจริง ๆ แล้ว ใบของสนฉัตรนั้นจะไม่ค่อยร่วง ทว่าถ้าหากให้น้ำมากเกินไปก็อาจจะซีดและร่วงเยอะขึ้นได้ ฉะนั้นจึงควรควบคุมปริมาณน้ำและความชื้นให้เหมาะสมด้วย
5. ต้นหูหนู

ต้นหูหนูหรือต้นสั่งทำ (Black Ebony) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Diospyros buxifolia (Blume) Hiern เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง มีถิ่นกำเนิดมาจากอินเดียและประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลำต้นเป็นสีเทาดำ สูงประมาณ 25 เมตร ใบเป็นรูปไข่ สีเขียว โคนมน ปลายแหลม ขอบเรียบ เรียงสลับอยู่ตามกิ่งก้าน ส่วนดอกออกเป็นช่อขนาดเล็ก และสำหรับการดูแลก็ง่าย ๆ คล้ายกับต้นหูกระจง คือรดน้ำปานกลางและปลูกให้โดนแสงแดดอยู่ตลอด โดยต้นหูหนูนั้นแข็งแรง ทนทาน และสามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินเกือบทุกชนิด

ต้นแก้วมุกดา หรือ โกงกางเขา มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Fagraea racemosa Javanica หรือ Fagraea blumeana เป็นไม้พุ่มรอเลื้อย ทรงพุ่มเตี้ย ล้ำต้นสีเทา ใบเป็นรูปวงรี โคนใบแหลม ปลายใบมน แผ่นใบเรียบ หนา เหนียว เป็นมัน และมีสีเขียวเข้ม ซึ่งต้นแก้วมุกดาถือเป็นพืชที่ไม่ค่อยผลัดใบ จึงไม่ค่อยมีใบร่วงมากวนใจเรามาก ส่วนดอกมีลักษณะคล้ายกับดอกแก้ว ออกเป็นช่อสั้น ๆ บริเวณปลายยอด ส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ตลอดทั้งวัน
สำหรับการขยายพันธุ์ ต้นแก้วมุกดาสามารถทำได้ทั้งการเพาะเมล็ดและตอนกิ่ง โดยต้นไม้ชนิดนี้จะเจริญเติบโตได้ดีในดินที่อุดมสมบูรณ์ ต้องการน้ำมาก ควรรดน้ำทุกเช้า-เย็นในช่วงปลูกแรก ๆ แต่พอต้นเริ่มโตก็รดแค่วันเว้นวันก็พอ ส่วนแสงแดดสามารถปลูกกลางแจ้งให้โดนแสงแดดจัด ๆ ได้เลย
7. ต้นพิกุล

8. ต้นลำดวน

ต้นลำดวน หรือ Lamdman มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Melodorum fruticosum Lour. เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูงประมาณ 5-10 เมตร ลำต้นเป็นสีเทา ผิวเรียบ ใบเป็นใบเดี่ยว รูปหอก ยาว รี ปลายแหลม โคนมน ขอบใบค่อนข้างเรียบเป็นคลื่นเล็กน้อย ออกเรียงสลับกันอยู่บริเวณข้อ ลำต้น และกิ่ง ส่วนดอกมีขนาดเล็ก สีเหลือง ออกตามยอดและง่ามใบ โดยคนไทยโบราณเชื่อกันว่าถ้าบ้านใดปลูกต้นลำดวนไว้จะทำให้เกิดความสดชื่น
และถ้าหากจะปลูกลำดวนประดับบ้าน ควรเว้นระยะห่างให้เหมาะสม เพราะต้นลำดวนมีลักษณะค่อนข้างใหญ่ ต้องการแสงแดดและชอบดินร่วน โดยควรรดน้ำทุก ๆ 5-7 วัน แล้วใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักอัตรา 1-2 กิโลกรัม/ต้น ปีละประมาณ 3-5 ครั้งด้วย ส่วนเรื่องอื่น ๆ ก็ไม่ค่อยมีปัญหามาก เพราะลำดวนเป็นต้นไม้ที่ค่อนข้างทนทานต่อสภาพธรรมชาติ
9. ต้นหมาก

ต้นหมาก (Areca nut palm) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Areca catechu Linn. เป็นไม้ยืนต้นในวงศ์ปาล์ม มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศเขตร้อนในเอเชีย มีลักษณะลำต้นตั้งตรงทรงกระบอก สูงประมาณ 10-15 เมตร มีก้านใบค่อนข้างยาว โดยใบจะออกเรียงกันที่ปลายยอด เป็นรูปหอก โคนใบเรียว ปลายใบแหลม ลักษณะใบหนาและเรียบ มีดอกออกเป็นช่อขนาดใหญ่ สีขาวอมเหลือง เรียกว่า “จั่น” ส่วนผลเป็นทรงกลม รูปไข่หรือรูปกระสวย ขนาดค่อนข้างเล็ก มีเปลือกสีเขียว
โดยต้นหมากจะเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทรายหรือดินเหนียวที่อุดมสมบูรณ์ ระบายน้ำและระบายอากาศได้ดี ส่วนการดูแลก็ต้องการน้ำและแดดอยู่พอสมควร แต่ก็สบายใจได้เลยว่าทนทานต่อแสงแดดและมีใบร่วงน้อยแน่ ๆ
10. ต้นปาล์มพัด

ต้นปาล์มพัดหรือปาล์มมงกุฎ (Fiji Fan Palm) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Pritchardia pacifica Seem & H.Wendl. มีแหล่งกำเนิดจากเกาะฟิจิ เป็นปาล์มต้นเดี่ยว สูงได้ถึง 10 เมตร ลำต้นตั้งตรง ใบเป็นมัน รูปพัด ขอบใบเว้าและพับจีบ โดยใบมีสีเขียวอ่อน ส่วนดอกออกเป็นช่อ สีเหลืองอมน้ำตาล ซึ่งต้นปาล์มพัดถือเป็นพืชที่เหมาะจะปลูกกลางแจ้ง จึงทนต่อแดดร้อน ๆ ได้ดีมาก แถมไม่ต้องกังวลเรื่องใบหลุดร่วง ทว่าต้นปาล์มชนิดนี้ต้องการน้ำมากหน่อย แต่ก็อย่าให้แฉะ โดยถ้าหากจะปลูกต้นปาล์มพัดไว้ที่บ้าน ควรปลูกในพื้นที่ที่มีขนาดกว้าง และใช้ดินร่วนผสมพิเศษที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ในการปลูก